Saturday, February 1, 2014

E-Tourism





E-Tourismคืออะไร 


ในปัจจุบันการท่องเที่ยวถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ประเทศไทยนั้นถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวเป็น อันดับต้นๆ แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้คงไม่มีมีใครคิดจะเดินทางท่องเที่ยว และจากสภาพเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันนี้เองทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่าง หนัก เพราะรายได้หลักของประเทศไทยนั้นมาจากการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้การท่องเที่ยวของไทยย่อมได้รับผลกระทบเป็น อย่างมาก อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรก็คือผู้ ประกอบการ บริษัททัวร์และนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวยังคงยึดติดอยู่กับการท่องเที่ยว แบบเดิมๆอยู่ นั่นคือการนั่งรอนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาและมุ่งหานักท่องเที่ยวที่พำนัก อยู่ในประเทศไทยเท่านั้นแต่กลับไม่แสวงหานักท่องเที่ยวจากมุมโลกอื่นเลยทั้ง นี้เพราะผู้ประกอบการในไทยยังไม่เปิดกว้างและก้าวเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต (Internet) เท่าที่ควรหรือยังไม่คุ้นเคยกับระบบที่เรียกว่า E-Tourism E-Tourism คือการใช้ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีในการท่องเที่ยวเพื่อช่วยให้การท่อง เที่ยวเป็นเรื่องง่าย ในปัจจุบัน E-Tourism ไม่ใช่เรื่องแปลกในระดับโลกอีกต่อไปเพราะธุรกิจท่องเที่ยว บริษัททัวร์ต่างๆที่เป็นบริษัทระดับยักษ์ใหญ่ของโลกนั้นต่างใช้ E-Tourism ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ได้ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นและทำให้การบริการด้าน การท่องเที่ยวเชื่อมโยงถึงกันทั่วโลกโดยผ่านอินเตอร์เน็ตออนไลน์ การเข้ามาของอินเทอร์เน็ตได้ปฏิวัติวิถีการท่องเที่ยวแบบโบราณ โดยเฉพาะ การสืบค้นข้อมูล ข้อหาสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมชั่น รวมถึงวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ให้ง่ายดุจพลิกฝ่ามือ และยังสร้างสรรค์โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการได้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น แต่สำหรับประเทศไทยนั้น E-Tourism ยังคงเป็นเรื่องแปลกใหม่เพราะผู้ประกอบการและบริษัททัวร์ส่วนใหญ่ในไทยนั้น ยังคงขาดความรู้และความเข้าใจในการใช้อินเตอร์เน็ตในการให้บริการด้านการ ท่องเที่ยวอยู่มาก แม้ว่าในปัจจุบันจะมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกรวม 1,000 ล้านคน และ 80% ของคนจำนวนนี้ ใช้อินเตอร์เน็ตในการหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยว อาทิ แหล่งท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และบริการด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ ตลอดจน การใช้บริการจองผ่านอินเทอร์เน็ต ด้วยระบบ E-Commerce ก็ตาม ซึ่งส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร นอกจากบริษัททัวร์ของไทยไม่เปิดเข้าหาโลกอินเตอร์เน็ตเท่าที่ควรแล้ว ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวของไทยประสบปัญหา คือ การที่โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว หรือบริษัททัวร์ขาดความร่วมมือที่ดีต่อกัน จากแนวคิดของ Ronold R.Coase (1937) กล่าวว่า หน่วยผลิตจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีต้นทุนธุรกรรม (Transaction Cost) ซึ่งก็คือ ต้นทุนในการติดต่อกับผู้ผลิตรายอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า หรือบริการของหน่วยผลิต ซึ่งถ้าหากมีต้นทุนทางธุรกรรมในการติดต่อสูงจะทำให้หน่วยผลิต เลือกที่จะผลิตสินค้าหรือบริการด้วยตนเองโดยไม่ติดต่อกับผู้ผลิตรายอื่นๆ จากทฤษฎีดังกล่าวจะเห็นได้ว่าบริษัททัวร์ในประเทศไทยที่ยังขาดความร่วมมือ ต่อกันนั้น ผมเห็นว่ามาจากสาเหตุใหญ่ๆ สองประการ คือ ความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลกลุ่มลูกค้า: มาจากการที่หน่วยงานต่างๆมีการปกปิดข้อมูลลูกค้าต่อกัน อาจเนื่องด้วยการเกรงกลัวการสูญเสียลูกค้าให้กับคู่แข่ง เพราะการทราบข้อมูลลูกค้าของคู่แข่ง จะทำให้คู่แข่งเกิดการพัฒนาบริการให้เหมาะสมกับลูกค้าได้มากขึ้น และนำไปสู่การแย่งลูกค้าระหว่างบริษัทด้วยกัน ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าที่เข้ามาท่องเที่ยวต้องเสียเวลาในการติดต่อ โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวแยกกันต่างหาก ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของบริการของหน่วยผลิตรายอื่น: เกิดจากการที่ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในประเทศไทยขาดการจัดมาตรฐานที่ดี ทำให้เกิดการขาดความไว้ใจที่จะส่งลูกทัวร์ให้แก่กันและกัน ยกตัวอย่างเช่น บริษัททัวร์รายหนึ่งได้ทำสัญญากับสายการบินA โดยที่ไม่รู้ว่าสายการบินA เป็นสายการบินที่ราคาถูก แต่ไม่มีมาตรฐาน ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวใช้บริการแล้วไม่พอใจกับบริการ ก็จะตำหนิไปยังบริษัททัวร์ ซึ่งทำให้บริษัททัวร์เสียชื่อเสียง ทั้งนี้จากทฤษฎีของ Coase การกระทำเช่นนี้อาจเรียกได้ว่า เป็น สัญญาที่ไม่สมบูรณ์ (Incomplete Contract) เนื่องจากไม่สามารถบังคับให้ผู้ประกอบการอื่นๆทำตามาตรฐานที่ต้องการได้ ซึ่งอาจเกิดจากความจำกัดในการประมวลข้อมูลของคน (Bounded Rationality) เช่น ข้อมูลความรู้ การคาดการณ์ ทำให้หน่วยผลิตไม่สามารถเขียนสัญญาที่สมบูรณ์ (Complete Contract) ได้ นอกจากนี้อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้ E-Tourism ไม่ประสบความสำเร็จกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเท่าที่ควร ก็คือ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่เชื่อมั่นในระบบ E-Tourism ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย จากผลสำรวจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่รู้จักเวบไซต์การท่องเที่ยวของไทย และยังรู้สึกไม่ปลอดภัยในการตัดสินใจเลือกบริษัททัวร์ในการท่องเที่ยว ซึ่งมีข้อมูลด้านการท่องเที่ยวหรือแพคเกจทัวร์ที่ไม่ชัดเจน มีความกังวลว่าบริการที่โฆษณากับบริการที่ได้รับจะไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังขาดความสะดวกในการซื้อบริการ ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่สมมาตรของข้อมูล (Asymmetric Information) ระหว่างลูกค้ากับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวของไทย ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวในเมืองไทยถูกเอารัดเอาเปรียบจาก เจ้าของกิจการที่มีข้อมูลมากกว่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง นอกจากนี้หากมองในแง่ของผู้ผลิตแล้ว E-Tourism ยังทำให้หน่วยผลิตมีต้นทุนทางธุรกรรมถูกลงเพราะ จะทำให้การติดต่อระหว่างหน่วยผลิตต่างๆ กับลูกค้านักท่องเที่ยว เป็นไปได้ง่ายและไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย แต่ว่าผู้ประกอบการต่างๆในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องหันมาให้ความร่วม มือกันในเรื่องข้อมูลลูกค้า รวมไปถึงการรักษาระดับมาตรฐานการบริการของการท่องเที่ยวไทย ซึ่งผมคิดว่าจะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเป็นหนึ่งเดียว สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ดีขึ้น และอาจนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย เมื่อเห็นประโยชน์จาก E-Tourism มากมายขนาดนี้แล้วผู้ประกอบการทั้งหลายก็ควรหันมาสนใจการท่องเที่ยวรูปแบบ ใหม่นี้กันให้มากกว่าเดิม รับรองว่าหากประเทศไทยเราพัฒนาให้ระบบการท่องเที่ยว E-Tourism ให้ทัดเทียมกับต่างชาติตำแหน่งผู้นำด้านการท่องเที่ยวของโลกก็คงจะไม่ไกล เกินเอื้อมแน่ๆ

Web blog

Web Blog  หรือ  Blog   คือเว็บไซค็ทีให้พื้นที่ส่วนตัวแก่ผู้ใช้บริการ 
โดยมีฟั่งชั่นต่างต่างให้เลือกใช้งาน    เช่น  พื้นที่สำหรับเขียนประวัติ
ไดอารี่ กล่องบทความ อัลบั้มรูป เวบบอร์ด  สามารถโพสบทความหรื
เรื่องราวของสินค้า   กิจกรรมที่บริษัทดำเนินการ ปรับแต่งหน้าตาได้
เหมือนเวบไซค์   สามารถจดทะเบียนเป็นชื่อเจ้าของได้  เชื่อมต่อ 
social network   เช่น   facebook , Tweeter , Goolgle  โพสคลิบวีดีโอ 
หรือ ทำเป็นอัลบั้ม   รูปถ่ายสินค้าส่วนตัว  ที่สำคัญ  blog  สามารถ
เปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ง่าย ข้อมูลจะสามารถเก็บไว้ได้ตลอด สามารถ
เก็บไว้ดูเอง  หรือจะเปิดให้ผู้อื่นเข้ามาดูได้ หรือใช้ในรูปสมาชิกก็ได้
ปัจจุบันนิยมใช้ Blog เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ แจ้งข่าวสาร
ให้กับลูกค้า เช่น ถ้าเราทำร้านค้าออนไลท์ จะพบว่าการที่ใครจะเข้า
มาซื้อของเราไม่ใช่เรื่องง่าย  เนื่องจากการแข่งขันสูง  ความเชื่อมั่นใน
ตัวสินค้า ดังนั้นเราจำเป็นต้องสร้าง Blog ขึ้นมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
ให้กับสินค้า อธิบายรายละเอียด ให้ความรู้เกี่ยวกับคำแนะนำสินค้า 
เรานำ  Blog  เข้ามาจัดการ  เนื่องจาก  Web Blog สามารถ up date ได้
ง่าย และมีการให้ข่าวสาร หรือเรื่องที่ใกล้เคียงสินค้า  เพื่อแนะนำให้
คนเข้ามายังเวบไซค์ร้านค้าออนไลน์ ด้วยการเชื่อม Blog กับเวบไซค์
หลักของเรา





สรุป





            เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร   (ICT)  เข้ามาเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกแก่ทุกองค์ประกอบของอุตสาหกรรม ตั้งแต่การนำระบบการจองโดยคอมพิวเตอร์   (Computerized Reservations Systems  หรือ CRS)  มาใช้กับสายการบิน   สำรองจองที่นั่งหรือห้องพักผ่านระบบอิเล็กทรอนิค  และเปลี่ยนรูปแบบเป็นระบบจัดจําหน่ายทั่วโลก  (Global Distribution System: GDS)   เพื่อสนับสนุนการขาย ที่นั่งบนสายการบิน โรงแรมและรถเช่า เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ขายและผู้ใช้ระบบซึ่งได้แก่ ตัวแทนท่องเที่ยว ระบบ GDS หลัก ได้แก่ Amadeus, Galileo,
สามารถนำมาใช้ในการท่องเที่ยวได้โดยผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวนำเอา CRS ,GDS และ E-Tourism มาใช้ในธุรกิจ  ปัจจุบันประเทศที่พัฒนาจะตอบสนองความต้องการผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  (ICT) ผ่านองค์ประกอบหลักของการท่องเที่ยว    ดังนี้   ICT ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการขนส่งในหลายรูปแบบ   เช่น  สายการบิน  รถโดยสาร   รถแท็กซี่ต้องติดตั้งอุปกรณ์การสื่อสารที่ดี  ติดตั้งระบบวิทยุสื่อสาร   ระบบ  GPS  รวมทั้งอุปกรณ์การช่วยเหลืออื่น ๆ  เพื่อให้ผู้ใช้บริการไว้วางใจในเรื่องความปลอดภัย สายการบินต้องติดตั้งเครื่องมือซึ่งให้สารสนเทศหลากหลาย เช่น สภาพภูมิอากาศ ความสูงและระบบสารสนเทศที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับสายการบินอื่นและสถานีควบคุมอากาศยาน  

Cloud Computing




Cloud Computingคืออะไร


Cloud Computing   คือ การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆเป็นลักษณะที่พัฒนาขึ้นต่อมาจากความคิดและบริการของ เวอร์ชัวไลเซชันและเว็บเซอร์วิส เป็นการทำงานของผู้ใช้คอมพิมเตอร์ผ่านอินเตอร์เน็ต โดยผู้ใช้สามารถระบุความต้องการไปยังระบบซอฟแวร์ของ Could Computing

ตัวอย่าง Youtube โดยสามารถเก็บข้อมูลวิดีโอต่างๆได้ โดยที่ไม่ต้องศึกษาวิธีสร้างระบบสังคมออนไลน์ต่างๆ






องค์ประกอบหลักๆของ Cloud Computing


1. Clients  ประกอบไปด้วยช่องทางหรืออุปกรณ์ที่ผู้ใช้จะใช้ติดต่อกับ cloud อย่าง  โทรศัพท์มือถือ(Smart phone)

2. Services   หรือ บริการที่จะให้กับผู้ใช้ โดยจะมีการเรียกใช้งานแบบ real-time ผ่านทางอินเตอร์เน็ต

3. Applications   ซึ่งผู้ใช้งานไม่ต้องติดตั้งและ run application ต่างๆบนเครื่องของตนเอง

4. Platform   จำเป็นที่จะต้องขึ้นอยู่กับ infrastructure ของ virtual computer ตัวอย่างของ Cloud Platform เช่น Google App Engine และ force.com

5. Storage ข้อมูลต่างๆของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้ใน data center โดยไม่ต้องเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานของผู้ใช้เอง ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

6. Infrastructure  ซึ่งโครงสร้างของ cloud computing จะประกอบไปด้วย  Servers , User Interface ที่ผู้ใช้จะใช้ติดต่อกับระบบ,Service Catalog ซึ่งเป็นส่วนที่เก็บรายการของบริการที่สามารถใช้ได้ ,System management ที่จะกำหนด resource ที่เหมาะสมกับผู้ใช้บริการ เมื่อมีการร้องขอ service ขึ้น,provisioning services เป็นการจองresource และจัดเตรียมapplication ที่เหมาะสมในการใช้งานให้ และ ส่วนตรวจสอบข้อมูลการใช้งานเพื่อใช้ในการเก็บค่าบริการและข้อมูลสถิติต่างๆ ที่จำเป็น

GDS-Global Distribution System




GDS คืออะไร


ระบบจัดจำหน่ายทั่วโลก (The Global Distribution Systems หรือ GDSs) ซึ่งเป็นตัวกลางในการจัดจำหน่ายสินค้าบริการท่องเที่ยว ระบบ GDS ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการขาย ที่นั่งบนสายการบิน โรงแรมและรถเช่า เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ขายและผู้ใช้ระบบซึ่งได้แก่ ตัวแทนท่องเที่ยว ระบบ GDS หลัก ได้แก่ Amadeus, Galileo, SABRE และ World Span



Global Distribution System (GDS) 



การใช้ช่องทาง  GDS  ในการจัดจำหน่ายห้องพักโรงแรมนั้น โรงแรมต้องติดต่อกับผู้ให้บริการช่องทางจัดจำหน่าย (Channel Provider)  ที่จะเป็นคนกลางในการจัดสร้างฐานข้อมูลและรายละเอียดของโรงแรมต่างๆ ใส่ในระบบของตนเอง แล้วทำการเชื่อมต่อข้อมูลไปสู่ผู้ให้บริการระบบจัดจำหน่ายที่ให้บริการกับ  Travel Agents  ต่างๆ อยู่ เพื่อทำการจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าต่อไป















CRS-Computer Reservation System





CRS  คืออะไร

ระบบการจองด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer Reservation Systems : CRSs),     การบริการสำรองที่นั่งแบบเบ็ดเสร็จด้วยคอมพิวเตอร์  ซึ่งเป็นการใช้โทรศัพท์เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการจองที่พักและรถเช่าระบบ Central Reservation System หรือ CRS นั้น เป็นระบบที่มีศักยภาพที่เหนือกว่า  Internet Distribution System  ตรงที่สามารถใช้ในการรับจองได้ทั้งแบบ  Online และ Offline  คือสามารถใช้กับสำนักงานรับจองทางโทรศัพท์  และการสื่อสารทางอื่นๆ ที่มีพนักงานไว้คอยให้บริการได้อีกด้วย    
              โดยหลักการแล้ว CRS จะเป็นระบบที่ทางโรงแรมนำเอา Room Inventory ของโรงแรมมาใส่ไว้ทั้งหมด และมีการกำหนด Rate Structure หรือ Rate Tier สำหรับขายให้กับทุก Market Segment ช่วยให้สำนักงานตัวแทนในการขายห้องพักที่ได้รับการแต่งตั้งมอบหมายเข้าไปหาข้อมูล และขายผ่านทางช่องทางต่างๆ ในแนวทางเดียวกันได้ทั่วโลก

ระบบ CRS ที่มีประสิทธิภาพบางระบบ สามารถที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบ PMS ได้ในลักษณะของการเชื่อมโยงแบบ   2 ทาง   กล่าวคือสามารถนำข้อมูลจาก PMS ของทางโรงแรมออกไปใช้งานได้ และสามารถทำการปรับปรุงข้อมูลของระบบ PMS ได้ด้วยเช่นกัน ระบบ CRS ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับ PMS ในลักษณะ
 2 ทางนี้ จะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการทำงานของพนักงานลงไปได้เป็นอย่างมาก เพราะการทำงานจะเป็นไปในลักษณะของ Single Entry ที่ผู้ทำรายการเพียงครั้งเดียว ผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับ CRS และ PMS อื่นๆ ก็สามารถนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปใช้งานร่วมกันได้ในทันที
          
              นอกจากนี้ ระบบ  CRS  ที่มีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถทำการเชื่อมโยงข้อมูลกับ Channel Manager ในการจัดจำหน่ายห้องพักผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายห้องพักออนไลน์อื่นๆ ได้ด้วยเช่น GDS, IDS, OTAs เป็นต้น    ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการจองห้องพักจาก CRS เพียงจุดเดียว และมีเอกภาพในการบริหารจัดการมากขึ้น


ระบบ CRS ที่ดี ควรจะรองรับการทำงานต่างๆ ดังต่อไปนี้   
      
1.  การบริหารการจองห้องพักและราคาค่าห้องพัก   เช่น  เพิ่ม แก้ไข และยกเลิกการจองห้องพักได้

2.  กำหนดราคาค่าห้องพักมาตรฐาน ราคาแพคเกจต่างๆ ราคากรุ๊ป และราคาที่เกิดจากการต่อรอง (Negotiation Rates) สำหรับใช้กับลูกค้าแต่ละรายได้

3.  มีตารางราคา (Rate Grid) ไว้ให้เรียกมาดูและนำไปใช้งานได้

4. การบริหารจัดการ Profile ลูกค้า  :
    -  สามารถติดตามตรวจสอบประวัติลูกค้าที่เป็นสมาชิก หรือลูกค้าเก่าได้
    - มีคำอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายค่า Commissions สำหรับลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย หรือแหล่งที่มาของการจองของลูกค้าแต่ละรายไว้อย่างชัดเจน
    - แสดงประวัติ สถิติการใช้บริการในอดีต และการจองสำหรับการใช้บริการในอนาคตของลูกค้าแต่ละรายได้

5.  การจองแบบหมู่คณะ และการกันห้องไว้เพื่อการจำหน่าย  :
    -  ควบคุมการจองห้องพักสำหรับหมู่คณะได้
    -  บริหารจัดการ Room Alloment และ Cut Off Date/Days ผ่านระบบได้
    -  กันห้องพักในลักษณะ Super Group Blocks สำหรับการจองห้องพักแบบหมู่คณะเดียว ในโรงแรมหลายๆ แห่งในระบบเดียวกัน หรือหลายๆ ครั้งที่เข้าพักได้

6. การจัดการเกี่ยวกับการจอง   :
Transaction activity by agent and CRO  สร้างเอกสารยืนยันการจอง หรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งผ่านระบบออนไลน์ หรือทาง แฟกซ์ จากระบบส่งถึงลูกค้าโดยอัตโนมัติ ติดตามตรวจสอบแหล่งที่มาของการจองที่มีราคาที่แตกต่างกันได้

7. การรายงาน  :  
  -  รายงานคาดการณ์การเข้าพักในแต่ละวัน (Expected Arrivals)
  -  รายงานกิจกรรมเกี่ยวกับการจองทั้งหมด (Total Booking Activity)
  -  รายงานสรุปกิจกรรมการจองประจำเดือน (Monthly Booking Activity Summary)
  -  รายงานสรุปกิจกรรมการจองประจำวัน (Daily Booking Activity Summary)
  -  รายงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจอง

หมายเหตุ : CRS นั้น บางรายอาจจะหมายความว่า Computerized Reservation System ก็ได้ แต่มีการใช้งานในลักษณะเดียวกัน


อุตสาหกรรมท่องเที่ยว




อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคืออะไร

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว   (Tourism Industry)  หมายถึง ธุรกิจท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยแรงงานและการลุงทุนสูง ใช้เทคนิควิชาการเฉพาะ  มีการวางแผน  (Planning)  การจัดองค์การ  (Organizing)  การควบคุม   (Controlling)   และการตลาด  (Marketing)   และครอบคลุมธุรกิจหลายประเภท ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรงและโดยอ้อมซึ่งจำเป็นต้องใช้องค์ประกอบของการจัดการในอุตสาหกรรม





อุตสาหกรรม ประกอบด้วย 
ปัจจัยนำเข้า   (Input)       เช่น    ต้นทุน     วัตถุดิบ
กระบวนการ   (Process)    เช่น    เครื่องจักร     โรงงาน   แรงงาน   เครื่องมือ   เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลผลิต      (Output)       เช่น   ผลผลิต    บริการ    สินค้า 



1. ปัจจัยนำเข้า    ได้แก่     ความพร้อมของวัตถุดิบในการให้บริการ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ สำหรับการประกอบอาหาร เครื่องดื่ม ในร้านอาหาร หรือ อุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน เครื่องนอนต่างๆ ในโรงแรม

2. กระบวนการ    ได้แก่    การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความต้องการของผู้ซื้อหรือนักท่องเที่ยว เช่น การเตรียมสถานที่พักให้พร้อม การเตรียมอาหารให้สมบูรณ์พร้อมรับประทาน โดยมีแรงงานเป็นปัจจัยดำเนินการตามกระบวนการเพื่อการเตรียมความพร้อมในการบริการ

3. ผลผลิต     ได้แก่   บริการที่พร้อมรับการบริโภค โดยผ่านการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ จากการซื้อ-ขาย การส่งมอบความพึงพอใจ การส่งมอบประสบการณ์ สู่ผู้ซื้อหรือนักท่องเที่ยว ในข้อนี้ ผลผลิตในการท่องเที่ยวแตกต่างจากผลผลิตของอุตสาหกรรมอื่น เนื่องจากสามารถเกิดการส่งมอบได้ซ้ำหลายครั้ง เช่น บริการนำชมสถานที่สำคัญ สามารถจัดซ้ำ โดยสถานที่เดิมยังคงอยู่ แต่บริการที่ส่งมอบ ได้แก่ประสบการณ์และความพึงพอใจ สามารถส่งต่อให้ผู้ซื้อมากกว่า 1 ครั้ง ด้วยระยะเวลานานได้ตราบเท่าที่สถานที่นั้นยังคงอยู่ และทีมงานรวมถึงอุปกรณ์ในการนำชมสถานที่ดังกล่าวยังคงมีความพร้อมให้บริการ

เทคโนโลยีสารสนเทศ



เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร

เทคโนโลยีสารสนเทศ  (Information Technology)  มาจากคำว่า “เทคโนโลยี” รวมกับคำว่า “สารสนเทศ”  “เทคโนโลยี”  หมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์   เครื่องมือ เครื่องจักรวัสดุ หรือ แม้กระทั่งสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ระบบหรือกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้การดำรงชีวิตของมนุษย์ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น  “สารสนเทศ” หมายถึง ข้อมูล ข้อเท็จจริง ข่าวสาร ความรู้ ที่ได้มีการบันทึก ประมวลหรือดำเนินการด้วยวิธีใดๆไว้ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ทั้งส่วนบุคคลและสังคม    
           ดังนั้น  จึงกล่าวได้ว่า  เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง  การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้นเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดการสารสนเทศ ซึ่งได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้าง  ขั้นตอน วิธีการดำเนินการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ยวข้องกับตัวข้อมูล เกี่ยวข้องกับบุคลากร เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึง โทรทัศน์ วิทยุ โทรศัพท์ โทรสาร หนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ฯลฯ





องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
องค์ประกอบระบบสารสนเทศทั่วไป (Information Process Systems) ประกอบ ด้วย 5 องค์ประกอบ ดังนี้ คือ 

1) บุคลากร  เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ เพราะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจวิธีการในการดำเนินการ และจัดการเกี่ยวกับสารสนเทศทั้งหมด บุคลากรจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

2) ขั้นตอนการปฏิบัติ หมายถึง  ระเบียบวิธีการปฏิบัติงานในการจัดเก็บรักษาข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำให้เป็นสารสนเทศได้ เช่น การกำหนดให้มีการป้อนข้อมูลทุกวัน การปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องอยู่เสมอ

3) เครื่องคอมพิวเตอร์  หรือฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์ที่ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งประกอบด้วยคีย์บอร์ด เมาส์ จอภาพ หน่วยระบบ และอุปกรณ์อื่นๆ เครื่องคอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์จะถูกควบคุมโดยซอฟต์แวร์เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการสารสนเทศ 

4) ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมในระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) และซอฟท์แวร์แอพพลิเคชั่น (Application Software) เป็นชุดคำสั่งที่เรียงเป็นลำดับขั้นตอน มีหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามวัตถุประสงค์ และประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ

5) ข้อมูล   ข้อเท็จจริง  หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบุคคล วัตถุหรือสถานที่ ข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะใช้เป็นเครื่องช่วยในการวางแผนงานการบริหารจัดการ ดังนั้นข้อมูลจะต้องมีความถูกต้อง มีความเที่ยงตรง สามารถเชื่อถือได้ มีความเป็นปัจจุบัน สามารถตรวจสอบได้ และมีความสมบูรณ์ชัดเจน